แม้แต่ในดินแดนที่โฆษณาว่าเป็นดินแดนแห่งความเสมอภาคและโอกาสอย่างอเมริกาก็ยังมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมและอคติที่หยั่งรากลึกจนเกินกว่าจะแก้ได้ง่าย ๆ
โดยเฉพาะเรื่องอคติทางสีผิวในอเมริกายังเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสไม่แพ้ที่ใดในโลก ปัญหาเรื่องตำรวจ (ผิวขาว) เลือกปฏิบัติต่อคนผิวดำมีมาช้านาน เกิดเป็นตะกอนสะสมกันมาหลายสิบปี เมื่อมีเหตุอะไรมากระตุ้น มันก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
ใช้คำว่าอีกครั้งเพราะมันไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ความรู้สึกไม่เป็นธรรมระหว่างสีผิวยังคงดำเนินต่อไปในอเมริกา และขณะกำลังเขียนเรื่องนี้อยู่ก็กำลังประท้วงกันในหลายรัฐโดยเฉพาะในนิวยอร์กซิตี้ ที่ใช้คำว่า “ฉันหายใจไม่ออก” เป็นคำขวัญ และก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนในเซนหลุยส์ก็มีคำขวัญ “เราชูมือแล้ว” ใช้ในการประท้วงตำรวจเหมือนกัน
ประโยค “ฉันหายใจไม่ออก” เป็นประโยคสุดท้ายที่อีริก การ์เนอร์ชายผิวดำร่างใหญ่พูดก่อนเสียชีวิตระหว่างที่ตำรวจนิวยอร์คซิตี้ควบคุมตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในเกาะสแตเทน นิวยอร์ก เขาต้องสงสัยว่าขายบุหรี่หนีภาษี ตำรวจหลายรายรุมล้อมเขา และเจ้าหน้าที่แดเนียล แพนทาลีโอได้ล็อกคอเขาจากด้านหลัง อิริกพยายามบอกว่าเขาหายใจไม่ออก แต่ไม่มีใครสนใจจนเขาเสียชีวิตในที่สุด
ฝ่ายชันสูตรลงความเห็นว่าเป็นความตายแบบ “ฆาตกรรม” เพราะถูกรัดคอกดทับจนหายใจไม่ออก และการล็อกคอจากด้านหลังเป็นเรื่องต้องห้ามตามนโยบายของกรมตำรวจนครนิวยอร์ก แต่ทางฝ่ายกฎหมายของตำรวจชี้แจงว่าถึงแม้จะมีการห้ามล็อกคอจากข้างหลัง แต่ไม่มีโทษทางอาญา สมาคมสหภาพตำรวจท้องถิ่นชี้แจงว่านายแดเนียลทำการภายใต้กรอบของกฎหมาย
และเมื่อคณะลูกขุนใหญ่นิวยอร์กคลงมติไม่ฟ้องนายตำรวจผู้ล็อกคออีริคระหว่างจับกุมจนเป็นเหตุให้ถึงตาย สร้างความไม่พอใจให้คนจำนวนมาก เมื่อคืนวันที่ ๕ ธันวาคม (ตามเวลานิวยอร์ก) เกิดประท้วงกันขนานใหญ่ในเขตมิดทาวน์ แมนฮัตตัน บางส่วนนอนบนทางเท้าใกล้กับศูนย์ร็อกกีเฟลเลอร์ที่กำลังมีพิธีประดับไฟให้ต้นคริสต์มาส เพื่อประท้วงอย่างสงบ
ประโยค “ชูมือขึ้น” มาจากกรณีเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจคนผิวขาวยิงไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวสีอายุ 17 ปีที่ไม่มีอาวุธ ในเมืองเฟอร์กูสัน ทั้งที่ขณะนั้นมีคนเห็นว่าเขาชูมือขึ้นเหนือหัวแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ผู้ยิงไมเคิลอ้างว่าขณะนั้นไมเคิลวิ่งเข้าใส่เขา จึงจำเป็นต้องยิงเพื่อป้องกันตัว และเขาจำเป็นต้องทำไม่ว่าคนที่วิ่งเข้าหานั้นเป็นคนผิวขาวก็ตาม
กรณีนี้คณะลูกขุนใหญ่ไม่ฟ้องดำเนินคดี ก่อเกิดการประท้วง “ยกมือขึ้น” คือใช้สัญลักษณ์ยกมือเหนือศีรษะในลักษณะยอมจำนน แม้แต่ทีมอเมริกันฟุตบอล เซนหลุยส์แรมส์ ก็ยังแสดงท่านี้ ช่วงท้ายการแข่งเพื่อร่วมประท้วง ส่วนนายตำรวจผู้ยิงลาออกจากงานเพื่อรับผิดชอบและลดแรงกดดันต่อองค์กรเนื่องจากมีการขู่จะทำร้ายตำรวจที่ปฏิบัติงานในสถานีตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน
นี่ยังไม่นับกรณี ทาเมีย ไรส์ เด็กผิวดำวัย 12 โดนตำรวจยิงเสียชีวิตวันที่ 22 พฤศจิกายน ในคลิฟแลนด์ โอไฮโอ เพราะตำรวจเห็นเขาถือปืน ซึ่งปรากฏภายหลังว่าเป็นปืนลมบีบีกัน
ปัญหานี้คงเป็นปัญหาระดับชาติที่หยั่งรากฝังลึกลงไปทุกที
โดยเฉพาะเรื่องอคติทางสีผิวในอเมริกายังเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสไม่แพ้ที่ใดในโลก ปัญหาเรื่องตำรวจ (ผิวขาว) เลือกปฏิบัติต่อคนผิวดำมีมาช้านาน เกิดเป็นตะกอนสะสมกันมาหลายสิบปี เมื่อมีเหตุอะไรมากระตุ้น มันก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
ใช้คำว่าอีกครั้งเพราะมันไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ความรู้สึกไม่เป็นธรรมระหว่างสีผิวยังคงดำเนินต่อไปในอเมริกา และขณะกำลังเขียนเรื่องนี้อยู่ก็กำลังประท้วงกันในหลายรัฐโดยเฉพาะในนิวยอร์กซิตี้ ที่ใช้คำว่า “ฉันหายใจไม่ออก” เป็นคำขวัญ และก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนในเซนหลุยส์ก็มีคำขวัญ “เราชูมือแล้ว” ใช้ในการประท้วงตำรวจเหมือนกัน
ประโยค “ฉันหายใจไม่ออก” เป็นประโยคสุดท้ายที่อีริก การ์เนอร์ชายผิวดำร่างใหญ่พูดก่อนเสียชีวิตระหว่างที่ตำรวจนิวยอร์คซิตี้ควบคุมตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในเกาะสแตเทน นิวยอร์ก เขาต้องสงสัยว่าขายบุหรี่หนีภาษี ตำรวจหลายรายรุมล้อมเขา และเจ้าหน้าที่แดเนียล แพนทาลีโอได้ล็อกคอเขาจากด้านหลัง อิริกพยายามบอกว่าเขาหายใจไม่ออก แต่ไม่มีใครสนใจจนเขาเสียชีวิตในที่สุด
ฝ่ายชันสูตรลงความเห็นว่าเป็นความตายแบบ “ฆาตกรรม” เพราะถูกรัดคอกดทับจนหายใจไม่ออก และการล็อกคอจากด้านหลังเป็นเรื่องต้องห้ามตามนโยบายของกรมตำรวจนครนิวยอร์ก แต่ทางฝ่ายกฎหมายของตำรวจชี้แจงว่าถึงแม้จะมีการห้ามล็อกคอจากข้างหลัง แต่ไม่มีโทษทางอาญา สมาคมสหภาพตำรวจท้องถิ่นชี้แจงว่านายแดเนียลทำการภายใต้กรอบของกฎหมาย
และเมื่อคณะลูกขุนใหญ่นิวยอร์กคลงมติไม่ฟ้องนายตำรวจผู้ล็อกคออีริคระหว่างจับกุมจนเป็นเหตุให้ถึงตาย สร้างความไม่พอใจให้คนจำนวนมาก เมื่อคืนวันที่ ๕ ธันวาคม (ตามเวลานิวยอร์ก) เกิดประท้วงกันขนานใหญ่ในเขตมิดทาวน์ แมนฮัตตัน บางส่วนนอนบนทางเท้าใกล้กับศูนย์ร็อกกีเฟลเลอร์ที่กำลังมีพิธีประดับไฟให้ต้นคริสต์มาส เพื่อประท้วงอย่างสงบ
เดอริก โรส นักบาสเก็ตบอลทีมชิคาโก้บูลส์ ใส่เสื้อ "ฉันหายใจไม่ออก" |
ประโยค “ชูมือขึ้น” มาจากกรณีเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจคนผิวขาวยิงไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวสีอายุ 17 ปีที่ไม่มีอาวุธ ในเมืองเฟอร์กูสัน ทั้งที่ขณะนั้นมีคนเห็นว่าเขาชูมือขึ้นเหนือหัวแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ผู้ยิงไมเคิลอ้างว่าขณะนั้นไมเคิลวิ่งเข้าใส่เขา จึงจำเป็นต้องยิงเพื่อป้องกันตัว และเขาจำเป็นต้องทำไม่ว่าคนที่วิ่งเข้าหานั้นเป็นคนผิวขาวก็ตาม
กรณีนี้คณะลูกขุนใหญ่ไม่ฟ้องดำเนินคดี ก่อเกิดการประท้วง “ยกมือขึ้น” คือใช้สัญลักษณ์ยกมือเหนือศีรษะในลักษณะยอมจำนน แม้แต่ทีมอเมริกันฟุตบอล เซนหลุยส์แรมส์ ก็ยังแสดงท่านี้ ช่วงท้ายการแข่งเพื่อร่วมประท้วง ส่วนนายตำรวจผู้ยิงลาออกจากงานเพื่อรับผิดชอบและลดแรงกดดันต่อองค์กรเนื่องจากมีการขู่จะทำร้ายตำรวจที่ปฏิบัติงานในสถานีตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน
นักอเมริกันฟุตบอลทีมเซนหลุยส์แรมส์ทำท่า "ยกมือขึ้นแล้ว อย่ายิง" |
นี่ยังไม่นับกรณี ทาเมีย ไรส์ เด็กผิวดำวัย 12 โดนตำรวจยิงเสียชีวิตวันที่ 22 พฤศจิกายน ในคลิฟแลนด์ โอไฮโอ เพราะตำรวจเห็นเขาถือปืน ซึ่งปรากฏภายหลังว่าเป็นปืนลมบีบีกัน
ปัญหานี้คงเป็นปัญหาระดับชาติที่หยั่งรากฝังลึกลงไปทุกที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น