ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Hello Kitty อายุ ๔๐ ปี

ได้อ่านเรื่องราวของเฮลโล คิตตี้ พบว่าตอนนี้ทางซานริโอ้ บริษัทผู้ถือลิขสิทธิ์เฮลโล คิตตี้บอกว่า คิตตี้ไม่ใช่แมวนะ (อ้าว แล้วนั่นรูปคิตตี้เป็นตัวอะไร?) http://www.bbc.co.uk/newsbeat/28963085

คิตตี้ไม่ใช่แมวแล้วเธอก็ไม่ใช่คนญี่ปุ่นด้วย เธอเป็นเด็กนักเรียนชาวอังกฤษอาศัยอยู่ใกล้ ๆ ลอนดอน แต่ดูรูปร่างคิตตี้อย่างไรก็เป็นแมว แมวแน่ ๆ หูแมวสองข้างและหนวด ๖ เส้นเป็นพยาน (ว่าแต่ปากหายไปไหน)


คริสทิน อาร์ ยาโน แห่งมหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ออฟฮาวายศึกษาเรื่องราวของคิตตี้จนปรุโปร่งยังไม่รู้เลยว่าคิตตี้ไม่ใช่แมว แต่ตอนที่เธอกำลังเตรียมบรรยายพิเศษที่เจแปนิสอเมริกันเนชันแนลมิวเซียมในลอสแอนเจลิส ทางซานริโอ้ก็ให้ข้อมูลกับเธอว่า คิตตี้ไม่ใช่แมวนะและให้เหตุผลว่าใครเคยเห็นคิตตี้เดินสี่ขาบ้าง? คิตตี้เดินสองขาและนั่งเหมือนสิ่งมีชีวิตสองเท้า และยังเลี้ยงแมวด้วยนะ (แมวของคิตตี้ชื่อชามมี่คิตตี้)

อ้าว...แล้วซานริโอ้ให้คำตอบเรื่องหูและหนวดนั่นอย่างไร?

ซานริโอ้ไม่มีคำตอบ...

หรือว่าแท้จริง คิตตี้เป็นหญิงสาวชอบใส่หูแมว...

ใครสนใจเรื่องราวของคิตตี้อย่างละเอียดโปรดหาหนังสือ พิงค์ โกลบาไลเซชันของคริสทิน อาร์ ยาโนมาอ่านประกอบ https://www.dukeupress.edu/Pink-Globalization/index-viewby=title.html

เกร็ดเกี่ยวกับคิตตี้

เธอชื่อคิตตี้ ไวท์ มีฝาแฝดชื่อมีมมี่ บิดาชื่อจอร์จ มารดาชื่อแมรี่

ส่วนสูงเท่ากับ “แอปเปิ้ล ๕ ผล”

น้ำหนักเท่ากับ “แอปเปิ้ล ๓ ผล”

คริสทิน อาร์ ยาโน อธิบายว่า สมัยที่คนวาดคิตตี้นั้นเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเห่ออังกฤษ เลยจำลองภาพคิตตี้ให้เป็นคนอังกฤษอาศัยใกล้เมืองลอนดอน

เรื่องแบบนี้ออกจะไร้สาระ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความฝันของภรรยาชาวประมง

ภาพพิมพ์สมัยเอโดะภาพหนึ่งซึ่งมีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังมาก ชื่อความฝันของภรรยาชาวประมง หรือบางทีก็เรียกว่า หญิงนักดำน้ำกับปลาหมึกยักษ์ ผลงานของคัทซูชิตะ โฮกุไซ

พญามังกรแดงผู้ยิ่งใหญ่

ในนิยาย Red Dragon ของ โธมัส แฮร์ริส มีตัวละครหนึ่งเรียกตัวเองว่า “พญามังกรแดงผู้ยิ่งใหญ่” หรือ The Great Red Dragon ฆาตกรต่อเนื่องผู้หลงใหลภาพเขียน The Great Red Dragon and the Woman Clothed in Sun ของวิลเลี่ยม เบลก

ภาพเขียนของจีน-มิเชล บาสเกียต์ ประมูลในราคา 110.5 ล้านดอลลาร์

มีคนประมูลภาพเขียนของจีน-มิเชล บาสเกียต์ ศิลปินผู้ล่วงลับไปในราคา 110.5 ล้านดอลลาร์ ทำให้ภาพเขียนของเขาเป็นภาพเขียนของศิลปินอเมริกันที่มีราคาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์